แอร์บ้าน แอร์โรงงาน แอร์ขนาดใหญ่ ใช้อะไรเป็นตัวแยก
ขนาดของเครื่องปรับอากาศ ไม่ได้วัดกันที่น้ำหนักตัวเครื่อง
แต่วัดกันที่ขนาด BTU หรือค่าการทำความเย็น ดังนั้นขนาด
ของเครื่องปรับอากาศ จึงเป็นตัวแบ่งแยกระหว่างแอร์
หรือเครื่องปรับอากาศทั้ง 3 ระดับได้แก่ แอร์บ้าน แอร์โรงงาน
หรือพาณิช และแอร์พาณิชขนาดใหญ่
แอร์บ้าน แอร์โรงงาน แอร์ขนาดใหญ่ ใช้อะไรเป็นตัวแยก
1. แอร์บ้าน (Residential Product) แอร์บ้านหรือแอร์เพื่อที่
พักอาศัย ถูกกำหนดขนาด BTU ./Hr
มีขนาดตั้งแต่ 6,000 – 40,000 BTU ซึ่งจะใช้งานได้กับไฟบ้าน
แบบทั่วไปในระบบ 1 เฟส / 220 โวลต์
2. เครื่องปรับอากาศพาณิช (Light Commercial Product)
ส่วนมากเป็นเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน
ที่มีขนาดทำความเย็นเป็น 40,000 BTU./Hr - 150,000 BTU./Hr.
ส่วนมากจะเจอได้ใน สำนักงาน โรงงาน ร้านขาขนาดกลาง
โรงพยาบาล โรงแรม และศูนย์การค้า จะใช้มอเตอร์แอร์
ที่แรงกว่าคือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส / 380 โวลต์
3. เครื่องปรับอากาศพิณิชขนาดใหญ่ (Heavy Commercial Product)
ส่วนมากจะเป็นเครื่องปรับอากาศแบบชิลเลอร์ ที่มีขนาดการทำ
ความเย็นมากกว่า 150,000 BTU./Hr. การติดตั้งต้องทำโดยวิศวกร
ผู้เชี่ยวชาญ จะพบได้ในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง อาคารสำนักงาน
รวมไปถึงโรงพยาบาลใหญ่ๆ ใช้ระบบไฟฟ้า 3 เฟส / 380 โวลต์
ทำไมต้องล้างแอร์ | |
เช่น เมืองหลวงของเราเป็นต้น แน่นอนมลภาวะ เหล่านี้ ไม่เป็นผลดีทั้งต่อมนุษย์ และเครื่องใช้ โดยเฉพาะ เครื่องปรับอากาศ ที่ทุกบ้านใช้ กันอยู่ หลายๆ สาเหตุของแอร์ เกิดจาก เพียงแค่แอร์สกปรก หรือแอร์ตัน จากการสะสมของฝุ่น ละออง เท่านั้น ซึ่งเป็นเพียง แค่ปัญหาเล็กๆ แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ปัญหาเล็กๆ ก็จะกลายเป็น ปัญหาใหญ่ หรือเป็น จุดเริ่ม ต้นของแอร์เสีย นี่ก็คือ เหตุผลว่าทำไม เราถึงต้องล้างแอร์ นั่นก็คือเรา จะเสียเงิน ค่าบำรุงรักษาแอร์ น้อยกว่า การเสียเงินเพื่อซ่อมแซม แอร์บ้าน นั่นเองบ้านเรือน ทั่วไปที่มี เครื่องปรับอากาศ ควรจะบำรุงรักษาโดยการล้างแอร์ เต็มระบบ เป็นประจำอย่างน้อย ปีละ 1-2 ครั้ง หรือ ปีละ 3-4 ครั้ง สำหรับบ้านเรือนที่อยู่ติดถนนหรืออาคาร สำนักงานที่มีการใช้ เครื่องปรับอากาศ เต็มที่เป็นเวลานานๆ | |
สรุป ผลจากการดูแล เครื่องปรับอากาศ สม่ำเสมอ | |
|
|
วิธีการบำรุงรักษา เครื่องปรับอากาศ | |
การบำรุงรักษาที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ ทำให้เครื่องปรับอากศมีอายุใช้งานได้ยาว นาน มีประสิทธิภาพสูง
และประหยัดพลังงาน ไฟฟ้า ตลอดเวลา ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้ จ่ายความเย็นได้เต็มที่ตลอดเวลา 2. หมั่นทำความสะอาดแผงท่อทำความเย็น ด้วยแปรงนิ่ม ๆ และน้ำผสมสบู่เหลว อย่างอ่อนทุก 6 เดือน เพื่อให้เครื่องทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ 3. ทำความสะอาดพัดลมส่งลมเย็น ด้วยแปรงขนาดเล็ก เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่จับ กันเป็นแผ่นแข็งและติดกันอยู่ตามซี่ใบพัดทุก 6 เดือน จะทำให้พัดลมส่งลมได้เต็มสมรรถนะ ตลอดเวลา 4. ทำความสะอาดแผงท่อระบายความร้อน โดยการใช้เแปรงนิ่ม ๆ และน้ำฉีด ล้างทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้เครื่องสามารถนำความร้อนภายในห้องออกไปทิ้งให้แก่อากาศภายนอก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. หากปรากฏว่าเครื่องไม่เย็นเพราะสารทำความเย็นรั่วต้องรีบตรวจหารอยรั่วแล้ว
ทำการแก้ไขพร้อมเติมให้เต็มโดยเร็ว มิฉะนั้นเครื่องจะใช้พลังงานไฟฟ้าโดยไม่ทำให้ เกิดความ เย็นแต่อย่างไร 6. ตรวจสอบฉนวนหุ้มท่อสารทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้เกิดฉีกขาด
ที่มา:สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น